วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553

ชาลี แชปปลิน


หลายๆคนคงจะรู้จักชายคนนี้มาบ้างในฝีมือการแสดงตลกเงียบยุคก่อนๆ โดยที่บางคนอาจจะไม่ทราบว่าศิลปินคนนี้ ไม่ใช่แสดงเป็นแค่ตลกเท่านั้น แต่เขาัยังเป็นศิลปินผู้สร้าง แสดงและกำกับภาพยนตร์มาหลายเรื่อง และมีชื่อเสียงโด่งดังมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งถึงแม้เขาเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่คนทั้งโลกก็ยังรู้จักเขาในนาม ชาลี แชปลิน ซึ่งประวัติของเขาก็น่าสนใจ และนำมาเป็นตัวอย่างได้ จากการที่ลุกขึ้นสู้กับชีวิตที่ขัดสนในวัยเด็กขึ้นมามีบทบาทในการแสดงจนเป็นที่โ่ด่งดัง
ชาลี แชปลิน (charlie chaplin) เกิดที่ลอนดอนเมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๔๓๒ แม่ของเขาเป็นนักแสดงและนักเต้นระบำ พ่อก็เป็นศิลปินเช่นกันแต่เลิกกับแม่ เขามีพี่ชายต่างบิดาชื่อ ซิดนีย์ ซึ่งร่วมผจญชีวิตอันลำบากยากเข็ญในวัยเด็กมาด้วยกัน วันหนึ่งแม่ของแชปลินซึ่งป่วยเป็นโรคหลอดลมอักเสบ ต้องหยุดแสดงกลางคันเพราะเจ็บคอ ไม่มีเสียง ผู้ชมโห่ฮาไม่พอใจอย่างมาก ผู้จัดการเวทีไม่รู้จะ แก้ปัญหาอย่างไร บังเอิญเหลือบไปเห็นเด็กชายแชปลิน จึงพาออกมาแนะนำตัวต่อผู้ชมแล้วให้แชปลินแสดงแทนแชปลินร้องเพลงและเต้นระบำตามที่แม่หัดให้โดยไม่เคอะเขิน ปรากฏว่าการแสดงของเขาเป็นที่ชื่นชอบของผู้ชมอย่างไม่คาดฝัน และนั่นเป็นการแสดงบนเวทีครั้งแรกของเขา แต่เป็นครั้งสุดท้ายของแม่ เมื่อแม่ไม่สามารถยึดอาชีพนักแสดงได้ต่อไป ความเป็นอยู่ในครอบครัวก็ลำบากขึ้น แชปลินและพี่ชายต้องเร่ขายของและทำงานรับจ้างหาเงินมาจุนเจือครอบครัว ในที่สุดแม่ก็เสียสติ เขาและพี่ชายต้องเข้าพึ่งสถานสงเคราะห์เด็กอนาถา แชปลินเริ่มเข้าวงการแสดงโดยได้รับคัดเลือกให้เล่นละครในบท 'บิลลี่' เด็กส่งหนังสือพิมพ์ในละครเรื่อง 'เชอล็อกโฮล์ม' และได้แสดงละครเรื่อง 'จิม' อีกเรื่องหนึ่งด้วย เพียงครั้งแรกที่แชปลินได้อวดฝีมือในการแสดง นักวิจารณ์ก็เขียนชมว่า แชปลิน เป็น... “ดาราที่อนาคตจะสุกใสแน่นอน” แชปลินได้มีโอกาสเดินทางไปอเมริกาโดยร่วมไปกับคณะละครของเฟรด คาร์โน และได้รับการติดต่อให้แสดงภาพยนตร์ของบริษัทคีย์สโตน แชปลินสร้างความชื่นชอบให้แก่ผู้ชมด้วยภาพของตัวตลกที่สวมเสื้อคับ กางเกงหลวม รองเท้าขนาดใหญ่ สวมหมวกใบจิ๋ว ควงไม้เท้า และติดหนวดแปรงสีฟันเหนือริมฝีปากภาพยนตร์ทุกเรื่องของแชปลินทำรายได้อย่างงดงามเป็นที่กล่าวขวัญตามหน้าหนังสือพิมพ์และร้านกาแฟ หลังจากที่ประสบความสำเร็จทางด้านการแสดง แชปลินก็ขอเขียนบทและกำกับการแสดงเอง ผลงานเรื่องแรกของเขาคือเรื่อง Caught in the Rain ในเวลา ๑ ปี บริษัทคีย์สโตนก็มีหนังที่แชปลินแสดงถึง ๓๕ เรื่อง แต่ละเรื่องทำรายได้สูงทั้งสิ้น ในระหว่างนี้แชปลินมีรายได้อาทิตย์ละ ๒๐๐ เหรียญ เมื่อสัญญาครบ ๑ ปี แชปลินก็ลาออกจากคีย์สโตนเพราะบริษัทฯ ไม่สามารถจ่ายค่าตอบแทนอาทิตย์ละ ๑,๐๐๐ เหรียญตามที่เขาเรียกร้องได้ แชปลินทำงานกับบริษัท เอสซันเนย์ และมิวชวล ฟิล์ม ตามลำดับ กับบริษัทหลังนี้ เขาได้ค่าจ้างอาทิตย์ละ ๒๐,๐๐๐ เหรียญและเงินโบนัสอีกปีละ ๑๕๐,๐๐๐ เหรียญ ค่าตัวของแชปลินเพิ่มเป็นปีละ ๑ ล้าน ๒ แสนเหรียญ เมื่อทำสัญญากับบริษัทเฟิสต์ เนชั่นแนล ในเวลานั้นแชปลิน กลายเป็นเศรษฐีย่อย ๆ คนหนึ่ง และกลายเป็นอัจฉริยศิลปินของโลก ภาพยนตร์เงียบของแชปลิน มิใช่ภาพยนตร์ตลกธรรมดา แต่เป็นภาพยนตร์ที่สะท้อนความคิดที่มีต่อสังคมและมนุษย์ โดยเฉพาะความคิดที่มีต่อสังคมในระบบทุนนิยม ดังจะเห็นได้จากผลงานเด่น ๆ เช่น The Gold Rush เป็นเรื่องของยุคคลั่งทองในอเมริกาสะท้อนภาพชีวิตของคนอเมริกันในยุคต้นของระบบทุนนิยมที่สังคมเต็มไปด้วยการแย่งชิงและฉวยโอกาส คนรวยยิ่งรวยขึ้น ในขณะที่คนจนไม่มีโอกาสที่จะยกระดับตัวเอง เรื่อง City Lights ชี้ถึงผลการเติบโตของสังคม เรื่อง Modern Times แสดงถึงชีวิตของคนในสังคมอุตสาหกรรมที่มีการแบ่งงานกันทำอย่างเป็นระเบียบเครื่องยนต์กลไกต่าง ๆ ได้รับการพัฒนา หนังเปรียบเทียบให้เห็นว่ามนุษย์ตกอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์และระบบการทำงานของสิ่งที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้น ผลงานบางเรื่องของเขาเช่น The Great Dictator, Monsieur Verdoux ทำให้เขาถูกโจมตีว่าเป็นผู้นิยมลัทธิคอมมิวนิสต์ แชปลินมีความคิดทางการเมืองที่ขัดกับรัฐบาลนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาถูกสั่งห้ามเข้าอเมริกาอีก มุขตลกของชาลี แชปลิน ถ้ามองเพียงผิวเผินคนดูอาจสงสารและเห็นว่าเขาเป็นเหยื่อของสังคม แต่ถ้าสังเกตให้ดีแล้วจะเห็นว่าชายพเนจรผู้เซ่อซ่าคนนี้มิได้ยอมแพ้โดยสิ้นเชิง ทุกครั้งที่เขาถอยหนีเพื่อให้พ้นภัยนั้น เขาจะชูกำปั้นขึ้น แล้วหันมาทำท่าให้ศัตรูระวังตัวไว้ว่า ยังจะมีโอกาสที่เป็นของเขาบ้าง หรือท่าทางที่เดินยักไหล่ออกไปอย่างไม่สนใจกับสิ่งที่อยู่เบื้องหลังในตอนจบ ก็เป็นเหมือนสัญลักษณ์ที่จะบอกว่า ยังมีอนาคตและความหวังรอเราอยู่เสมอ สำหรับชีวิตครอบครัว ขณะยังหนุ่มแชปลินไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องความรัก เขาผ่านการหย่าร้างกับดาราสาวถึง ๓ คน จนมาพบกับ อูนา โอนีล ซึ่งเป็นการแต่งงานครั้งที่ ๔ ชีวิตครอบครัวของเขาก็มีความสุขอย่างแท้จริง ในบั้นปลายของชีวิต ชาลี แชปลิน พำนักอยู่กับอูนาและลูก ๆ ที่สวิตเชอร์แลนด์ ในปี ๒๕๑๘ เขาได้รับการแต่งตั้งจากสมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษให้เป็น เซอร์ ชาร์ลส์ สเปนเซอร์ แชปลิน เขาเสียชีวิตเมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๒๐

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น