เมืองปอมเปอี (Pompeii) ก่อตั้งขึ้นเมื่อประมาณ 550 ปีก่อนคริสต์ศักราช แต่ยังเป็นเพียงเมืองของ
ชนเผ่าเร่ร่อน จนกระทั่ง 80 ปีก่อนคริสต์ศักราช ปอมเปอีจึงได้เป็นเมืองของอาณาจักรโรมัน และชาวปอมเปอีจึงได้รับการยอมรับเป็นพลเมืองโรมัน หลังจากนั้นไม่นาน ชาวโรมันที่มั่งคั่งพากันสร้างบ้านพักตากอากาศตามชายฝั่งทะเลของปอมเปอี และบริเวณลาดเขาของภูเขาไฟวิสุเวียส และผู้คนเหล่านี้ได้ลงทุนทำอุตสาหกรรมผลิดสิ่งหรูหราฟุ่มเฟือยขึ้นในเมืองนี้ และไม่นานปอมเปอีก็กลายเป็นศูนย์กลางการค้าอันมั่งคั่ง เต็มไปด้วยผูคนที่มีความสามารถสูง ภายในเมืองมีทั้งสถาปัตยกรรมต่างๆที่ไม่เหมือนใครอยู่มากมาย แต่ที่เด่นๆก็คือ หลังคาเหนือห้องโถงจะมีช่องโหว่ใหญ่ด้านกว้าง และหลังคาเอียงลาดลงไปทางรูโหว่นั้น เมื่อฝนตก น้ำ
ฝนจะไหลลงไปตามหลังคา ลงไปตามรูโหว่ และไหลลงสู่อ่างกระเบื้องที่อยู่ใต้รูโหว่ และไหลสู่ถังเก็บน้ำ และนอกจากนี้ ยังสะพานส่งน้ำและน้ำพุสาธารณะ ซึ่งน้ำสะอาดมาก แต่ชาวปอมเปอีจะสะดวกสะบายมากต่อเมื่อมีฐานะดี แต่ครอบครัวที่ยากจนลงมาจะต้องเริ่มทำงานหาเลี้ยงตนตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ผู้ที่ร่ำรวยส่วนมากก็เป็นทาสที่เป็นอิสระแล้ว ซึ่งคนรวยประเภทนี้ไม่มีอำนาจทางการเมือง คนที่จะมีอำนาจทางการเมืองได้นั้นจะต้องไม่เคยเป็นทาส
วันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 79 เวลา 13นาฬิกา 30 นาที ภูเขาไฟวิสุเวียสได้ระเบิดขึ้น ฝุ่นควัน หินพัมมิซ และก๊าซพิษจำนวนมากถูกพ่นออกมา กระแสลมในวันนั้นได้พัดพามันไปที่เมืองปอมเปอี และสตาเบีย ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของวิสุเวียส แต่เมืองปอมเปอีใกล้กว่า จึงได้รับผลกระทบมากกว่า ในช่วงเวลาไม่กี่นาที ท้องฟ้าเหนือเมืองปอมเปอีก็ถูกปกคลุมด้วยฝุ่นควันจากภูเขาไฟจนแสงอาทิตย์ไม่อาจส่องลอดมาได้ จึงตกอยู่ในความมืดคล้ายยามราตรี หลังจากนั้นไม่นาน หินพัมมิซในฝุ่นควันก็เริ่มจับตัวกันเป็นก้อนใหญ่ที่หนักขึ้น เย็นลง และเริ่มร่วงลงมาสู่เมืองปอมเปอี ชาวเมืองเริ่มวิตก บางคนรีบหนีไป บางคนไปหลบในบ้านหรือในสถานที่ส่วนรวม
ต่อมาไม่นานนัก ชาวปอมเปอีก็เริ่มหายใจไม่ออก เพราะก๊าซพิษที่ภูเขาไฟพ่นออกมาทำให้อากาศไม่สะอาด ผู้ที่พยายามจะหนีส่วนใหญ่ตาย สาเหตุการตายส่วนใหญ่เพราะหินพัมมิซขนาดใหญ่หล่นใส่หัว แล้วก็ล้มลงหมดสติ แล้วก็ขาดอากาศหายใจจนตายในที่สุด ตกเย็นวันเดียวกันนั้นเอง ชาวปอมเปอีที่หลบภัยในบ้านเริ่มตาย เพราะหินพัมมิซทับถมกันหนาจนบ้านถูกฝังและขาดอากาศหายใจจนตาย ต่อมาไม่นาน หลังคาบ้านก็เริ่มถล่ม เพราะรับน้ำหนักหินไม่ไหว ทำให้ผู้คนถูกฝัง
วันที่ 25 สิงหาคม ค.ศ. 79 ช่วงเช้า วิสุเวียสระเบิดแรงขึ้น ทำให้ท้องทะเลปั่นป่วนเพราะแรงสั่นสะเทือน คลื่นชายหาดแรงมากจนบ้านพักตากอากาศริมทะเลถูกคลื่นซัดพังไปหลายหลัง ช่วงบ่าย กระแสลมเปลี่ยนทิศไปทางทิศตะวันตก(เยื้องใต้เล็กน้อย) นำพาฝุ่นควันสู่เมืองมิเซนัมและเฮอร์คิวเลเนียม แต่เฮอร์คิวเลเนียมอยู่ใกล้กว่ามาก จึงได้รับหายนะมากกว่า
วันที่ 26 สิงหาคม ค.ศ. 79 ภูเขาไฟระเบิดเบาลง แต่ก็เกิดฝนตกลงมาบริเวณลาดเขาของภูเขาไฟวิสุเวียส ซึ่งเต็มไปด้วยเถ้าถ่านที่ร้อนจัด
วันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ. 79 น้ำฝนละลายผสมกับเถ้าถ่านกลายเป็นโคลนเดือดไหลทะลักลงมากลบเมืองเฮอร์คิวเลเนียม ชาวเมืองหลายร้อยคนเสียชีวิต แต่เป็นเพียงส่วนน้อย เพราะส่วนใหญ่ได้ล่องรืออพยพออกไปแล้ว ไม่นาน วิสุเวียสก็หยุดอาละวาด
ผู้รอดตายได้กลับไปยังเมืองของตน แล้วได้นำซากอาคารที่โผล่พ้นเถ้าถ่านฝุ่นควันไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น
นักประวัติศาสตร์ชาวโรมชื่อ แทซิทัส ได้ทำการบันทึกเหตุการณ์ดังกล่าวไว้เป็นภาษาละติน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น