วันศุกร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2555

หูฉลาม



::หูฉลาม::

สัตว์ที่ได้ฉายานามว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ใต้ทะเล – ปลาฉลาม คงไม่นึกไม่ถึงว่า ครีบของตัวเองจะนำพาภัยพิบัติสู่ตน

ครีบปลาฉลาม หรือที่คนเรารู้จักและนิยมกันดีในนามหูฉลาม ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะอาหาร ซึ่งครีบที่ว่ารวมด้วยครีบหลัง สองข้างตัว และครีบหางปลา เป็นต้น


ชาวประมงนำปลาฉลามที่พึ่งจับมาย้ายจากเรือประมงมาที่ชายหาด และตัดครีบของมัน ขายให้ลูกค้าในทันที

อันที่จริงแล้วหูฉลามไม่ได้มีรสชาดอะไรเลย หูฉลามที่เรากินกันอยู่ประจำ ที่มีรสชาดเลิศลิ้น นั้นล้วนมาจากเครื่องปรุงที่เสริมเข้าไป จากการวิจัย ครีบปลาฉลามเหล่านี้ไม่ได้มีคุณค่าทางสารอาหารมากไปกว่าอาหารอื่นๆ เลย อาจจะน้อยกว่าแบรนด์ซุปไก่หนึ่งกระปุกด้วยซ้ำ (ถึงกระนั้นก็ไม่ควรกินเช่นกัน) แถมยังจืดชืด แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจ ไม่พ้นไปจากจำนวนที่มีน้อย และราคาอันสูงของหูฉลาม เป็นอาหารที่หาได้ยาก และยังเป็นตราประทับของความสูงส่งในยศถาบรรดาศักดิ์

เนื่องจากหูฉลามนั้นมีราคาสูง การตลาดก็กว้างใหญ่ การล่าปลาฉลามยิ่งหนักขึ้นทุกวันๆ ปลาฉลามถูกฆ่าจำนวนมาก ทำให้จำนวนปลาฉลามทั้งโลกนั้นลดฮวบลงอย่างรวดเร็ว บวกกับการแพร่พันธุ์ของปลาฉลามนั้นไม่มากเท่าไหร่นัก กว่าปลาฉลามจะโตถึงวัยผสมพันธุ์ ต้องใช้เวลา 10-15 ปี ส่วนใหญ่ก็จะผสมพันธุ์วางไข่กันหนึ่งครั้งต่อสองปี ด้วยเหตุนี้เอง ปลาฉลามจึงต้องเผชิญกับปัญหาสูญพันธุ์ที่กำลังคืบคลานเข้ามา

องค์การอนุรักษ์ธรรมชาติแห่งโลกได้ทำการคาดประมาณเอาไว้ในปีหนึ่งว่า การค้าขายปลาฉลามทั่วโลกนั้นมีมากถึง 1 แสนตัน ทุกๆ ปีปลาฉลามที่ต้องถูกฆ่ามีมากถึง 38-70 ล้านตัว !

ปลาฉลามนั้นเป็นสิ่งสำคัญในวงจรปิรามิดในทะเล การลดจำนวนของปลาฉลามจะนำมาซึ่งปัญหาคุกคามของระบบความสัมพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต (ecosystem) ในทะเล เป็นเหตุให้ปลาฉลามต้องสูญพันธุ์ และยังก่อปัญหาต่างๆ ต่อ ecosystem ของสิ่งมีชีวิตอื่นๆ อีกด้วย ยกสัตว์บกเป็นตัวอย่าง สิงโตที่ต้องล่าสัตว์กินพืชมาเป็นอาหาร ถึงแม้จะดูโหดร้าย แต่มันก็เป็นการกำจัดสัตว์ที่มีสายพันธุ์(gene) ที่ไม่ดีออกไป กวาดล้างสัตว์ที่อ่อนแอ มีโรค ให้ตัวที่มีกำลังกายแข็งแรง มี gene ที่ดีๆ ดำรงชีวิตสืบทอดต่อไป เช่นกัน ปลาฉลามนั้นก็มีบทบาทเดียวกัน

ถ้าดูจากมุมมองของชีววิทยา ปลาฉลามนับเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าพิสมัยยิ่งนัก ประเด็นแรก ปลาฉลามนั้นกำเนิดมาก่อนไดโนเสาเสียอีก คาดประมาณว่าได้มีปลาฉลามอยู่แล้วเมื่อ 250 ล้านปีก่อน สิ่งมีชีวิตชนิดนี้มีลักษณะเฉพาะหลายอย่าง มีประสาทการฟังและการดมกลิ่นที่เฉียบแหลมมาก ปลาฉลามหลายสายพันธุ์สามารถได้ยินเสียงปลาที่ว่ายน้ำอยู่ไกลถึง 2 กิโลเมตรออกไป และยังสามารถดมกลิ่นคาวเลือดอ่อนๆ ที่อยู่ไกลตัวได้อีกด้วย
เนื่องจากว่า ส่วนที่มีค่าที่สุดบนตัวปลาฉลาม ก็คือหูฉลามที่เรากินกันอยู่ทุกวันนี้ และด้วยเหตุที่ว่าร่างกายปลาฉลามนั้นใหญ่ การบรรทุกปลาฉลามหนึ่งตัว พื้นที่ที่ใช้ สามารถนำมาบรรจุหูฉลามของปลาสิบกว่าตัว เมื่อคำนึงถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ สุดท้ายพวกเรานั้นก็ได้แต่ตักหูฉลามใส่ปากเพื่อความเห่อเหิมในชื่อเสียงยศศักดิ์ และความมั่งมี

อันที่จริงสิ่งที่เรากินกันอยู่ ไม่ใช่หูฉลาม แต่เป็นความต้องการของสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความมั่งมี ในงานแต่งงาน หากไม่มีหูฉลามในเมนู ก็จะโดนผู้คนว่าลับหลังเอาได้ ว่าเป็นคนตระหนี่ขี้เหนียว ในสังคมปัจจุบันนี้ ปลาฉลามได้กลายเป็นเครื่องหมายของความมั่งมีไปเสียแล้ว
มีชาวประมงคนหนึ่งเคยแถลงว่า อันที่จริงตัวปลานั้นก็มีราคาพอสมควร มีกรณีเดียวเท่านั้นที่ชาวประมงทั้งหลายจะทำอย่างนี้ คือปลา Frilled Shark หรือที่รู้จักกันในฉายานามว่า “ปลาเน่า” เพราะว่าปลาฉลามพันธุ์นี้ ช่วงลำตัวจะเป็นน้ำ(ส่วนของเหลว)เสียส่วนใหญ่ จึงไม่มีค่าในตลาดเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้น ชาวประมงจะตัดครีบปลาออก แล้วใช้ตัวปลาเป็นเหยื่อ เมื่อเหยื่อปลามีมากพอแล้ว แต่ยังคงจับได้ปลาพันธุ์นี้อีก จึงเป็นเหตุให้ชาวประมงต้องปล่อยปลาลงทะเล
รถนำมารับประทานได้ ตัวปลาฉลามยังมีคุณสมบัติอื่นๆ อีกมากมาย :
- สารที่คัดออกมาจากกระดูกอ่อนของปลาฉลาม สามารถรักษาคนป่วยที่ผิวหนังถูกลวก (ไฟ/น้ำร้อน) อย่างสาหัสได้
- เยื่อตาของปลาฉลาม สามารถนำมาใช้กับคนได้
- เนื่องจากว่าปลาฉลามนั้นไม่ค่อยจะมีเนื้องอก นักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษาค้นคว้าระบบภูมิต้านทานในตัวปลาฉลาม เพื่อที่จะนำผลวิจัยที่ได้มา มาทำตัวยาต้านโรคมะเร็ง
ส่วนประเด็นที่ปลาฉลามกินปลาที่เป็นโรคหรือได้รับบาดเจ็บ นับว่ามันเป็นผู้กวาดล้างใต้ทะเลก็ว่าได้ สร้างคุณประโยชน์ต่อ ecosystem ในท้องทะเลยิ่งนัก แต่ที่น่าเสียดายก็คือ ปลาฉลามที่มีหูฉลามชั้นดี เนื้อปลามักจะไม่ค่อยอร่อย ส่วนปลาฉลามที่มีเนื้ออร่อย ก็จะมีหูฉลามที่รสชาดไม่น่ารับประทาน สุดท้าย ก็ไม่อาจใช้ประโยชน์สองทางได้ในปลาตัวเดียวกัน จึงทำให้การล่าปลาฉลามยิ่งมากขึ้น


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น